เรียนภาษาอังกฤษผ่านโลกหนังสือ
เรียนรู้อยู่กับชีวิต
โดย ศิรตะวัน ทหารแกล้ว
Siratawan Thahanklaew
ชีวิตอมตะ(Immortal life) เป็นยอดปรารถนาของทุกคนเพราะทั้งเยาว์วัย ไม่แก่ ไม่เจ็บไข้ และไม่ต้องกลัวความตายจะพรากเราไปจากโลกใบนี้ ดังจะเห็นแนวคิดเกี่ยวกับชีวิตอมตะจากบรรดาวรรณกรรมต่างๆ ที่นำเรื่อง “ความเป็นอมตะ” มาเล่าขานเช่น ในวรรณกรรมเยาวชนยอดฮิต แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ( Harry Potter and the Sorcerer’s Stone) หนังสือเล่มแรกของเจ เค โรว์ลิ่ง ที่ทำให้เราได้จินตนาการถึงโลกของพ่อมด แม่มด ภายในหนังสือเล่มนี้ยังกล่าวถึงศิลาอาถรรพ์ ที่ใครได้เป็นเจ้าของย่อมครอบครองความเป็นอมตะไว้ได้ หรือแม้แต่นิยายประเภทเหนือธรรมชาติที่มีตัวเอกเป็นแวมไพร์หนุ่มหล่อ ก็ทำให้บรรดาสาวๆ ผู้อ่านฝันหวานถึงการใช้ชีวิตอมตะครองคู่กับแวมไพร์หนุ่ม แต่ดูเหมือนว่า ความเป็นอมตะอาจไม่ได้ดีเสมอไป เพราะชีวิตอมตะก็มีราคาค่างวดที่ต้องจ่ายเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัส ดังเรื่อง “ชั่วนิรันดร์” หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Tuck Everlasting”
หน้าปกหนังสือต้นฉบับภาษาอังกฤษและฉบับแปลเป็นภาษาไทย
Tuck Everlasting เป็นวรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของโลกซึ่งถูกถ่ายทอดจากปลายปากกาของ นาตาลี แบ๊บบิตต์ (Natalie Babbitt) กล่าวถึงครอบครัวทัคที่ได้ดื่มกินน้ำพุวิเศษเข้าโดยบังเอิญ นับจากนั้นมาครอบครัวดังกล่าวก็ไม่มีวันแก่ชราหรือแม้กระทั่งตาย แต่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ย้ายถิ่นไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านสงสัย ครอบครัวทัคใช้ชีวิตเช่นนั้นมาตลอดและเพิ่งจะย้ายกลับมาอาศัยในกระท่อมกลางป่าของพวกเขาอีกครั้ง จนกระทั่งตัวละครเอกของเรา วินนีเฟรด ฟอสเตอร์ (Winnifred Foster) หรือวินนีย์ (Winnie) ได้มาพบเข้า
วินนีย์วิ่งเข้ามาในป่าและได้พบกับเจสซี ลูกชายคนสุดท้องของบ้าน
ที่ยังมีอายุ 17 ปีอยู่เสมอมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีแล้ว
วินนีย์เป็นเด็กหญิงที่ได้รับการอบรมจากมารดาให้ประพฤติตนอยู่ในกรอบ กฏเกณฑ์ที่แม่ของเธอสร้างขึ้น ทำให้วินนีย์รู้สึกทั้งอึดอัดและเบื่อหน่ายจนอยากหนีออกไปมีชีวิตอิสระ ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่วินนีย์ผู้อยากหลีกหนีจากชีวิตซ้ำซากจำเจจะปรารถนาชีวิตอมตะที่เธอไม่เคยมีบ้าง เพราะเธอเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กลัวการแก่ชรา และตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมมนุษย์เกิดมาแล้วต้องตาย เธอกลัวความตายและมองว่าการเป็นอมตะนั้นช่างเป็นชีวิตที่สุดแสนวิเศษเหลือเกิน สำหรับคนบางคนการมีชีวิตอยู่ตลอดไปคือของขวัญ แต่สำหรับครอบครัวทัคกลับเป็นคำสาปร้ายแรง เมื่อแองกัส ทัค (Angus Tuck) ผู้นำของครอบครัวทัคเห็นดังนั้น ก็กล่าวเตือนสติเธอว่า
“Don’t be afraid of death; be afraid of an unlived life.
(อย่ากลัวความตายเลย แต่จงกลัวชีวิตที่มิได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เถอะ)
โดยแองกัสได้เปรียบเทียบครอบครัวของเขาและตนเองว่า เป็นเหมือนก้อนหินข้างถนนที่ไม่มีวันกลับไปสู่วัฏจักรของชีวิตปกติที่มีเกิด แก่ เจ็บ ตายได้อีกแล้ว พวกเขาเพียงแต่อยู่ไปวันๆ อย่างเลื่อนลอยและไร้จุดหมายเท่านั้น
นอกจากวรรณกรรมเยาวชนคุณภาพเล่มนี้จะสอนให้เรายืนหยัดอยู่บนโลกอย่างภาคภูมิแล้ว ยังสอนบทเรียนชีวิตให้แก่เราอีกด้วย เพราะสาระของชีวิตมนุษย์อยู่ที่การได้ใช้ชีวิตของตนอย่างสมบูรณ์ และได้ทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อทั้งตนเอง ผู้อื่น และสังคมโดยรวมนั่นเอง ถึงแม้ชีวิตมนุษย์จะเป็นสิ่งที่แสนเปราะบางและไม่จีรังยั่งยืน แต่มนุษย์ก็ไม่ควรเกรงกลัวต่อ ความตาย และกลัวความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเสน่ห์ของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การหยุดอยู่กับที่ เพราะชีวิตที่มีการเติบโต มีการพัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลงต่างหาก ถึงควรจะเรียกว่าชีวิตที่แท้จริง ถ้ามนุษย์อยู่โดยที่ไม่มีวันตาย ชีวิตจะมีค่ามีความหมายได้อย่างไรกัน หากผู้ใดกำลังค้นหาความหมายของชีวิต หาตัวตนและหนทางของตนเองอยู่ ขอให้ลองอ่านวรรณกรรมเล่มนี้ดูเพื่อสัมผัสกับโลกใบใหม่ที่มากคุณค่า และมีคำคมดีๆ จำนวนมากให้เราได้นำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต